วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงเกษตรกรและชาวประมงไทยเข้ากับตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภาคเกษตรกรรมและประมงยังคงเป็นเสาหลักของวิถีชีวิตในชนบทของไทย แต่มูลค่าเพิ่มที่แท้จริงมักเกิดขึ้นหลังการเก็บเกี่ยว ไม่ว่าจะเป็นการแปรรูป บรรจุภัณฑ์ โลจิสติกส์ และการตลาด ซึ่งทั้งหมดนี้คือพื้นที่ที่เอสเอ็มอีเข้าไปดำเนินบทบาทอย่างโดดเด่น
ในภาคเกษตรกรรม เอสเอ็มอีดำเนินกิจการโรงสีข้าว โรงงานแปรรูปผลไม้ สถานที่ตากและอบสมุนไพรหรือเครื่องเทศ และบริษัทบรรจุภัณฑ์ โดยการรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรรายย่อยและนำมาแปรรูปให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงขึ้น เช่น ผลไม้กระป๋อง ข้าวบรรจุถุง หรือเครื่องเทศพร้อมปรุง เอสเอ็มอีช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ที่ดีขึ้นและมีเสถียรภาพมากขึ้น ลดการสูญเสียหลังการเก็บเกี่ยว และยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตรไทยให้สามารถแข่งขันได้ในทั้งตลาดภายในและภายนอกประเทศ
ภาคประมงมีลักษณะคล้ายกัน ชุมชนชายฝั่งจำนวนมากพึ่งพาเรือประมงขนาดเล็ก แต่ขาดทรัพยากรสำหรับการแปรรูปหรือทำการตลาดผลผลิตของตนเอง เอสเอ็มอีจึงเข้ามามีบทบาทด้วยการลงทุนในห้องเย็น โรงงานน้ำแข็ง และโรงงานแปรรูปสัตว์น้ำขนาดเล็ก พวกเขาเปลี่ยนปลาสด กุ้ง และหมึกให้กลายเป็นเนื้อปลาแช่แข็ง ผลิตภัณฑ์กระป๋อง หรือสินค้าเพิ่มมูลค่าอย่างเช่นลูกชิ้นปลาและขนมขบเคี้ยวจากกุ้ง ทำให้ยืดอายุการเก็บรักษาและเปิดโอกาสเข้าถึงตลาดที่อยู่ไกล รวมถึงช่องทางการส่งออก
เอสเอ็มอียังมีความสำคัญในการทำให้ห่วงโซ่อุปทานสมัยใหม่มีประสิทธิภาพมากขึ้น พวกเขานำมาตรฐานคุณภาพ ระบบตรวจสอบย้อนกลับ และการรับรองพื้นฐานต่าง ๆ เข้ามาใช้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น เอสเอ็มอีที่ส่งออกกุ้งแปรรูปอาจกำหนดให้ซัพพลายเออร์ต้องปฏิบัติตามแนวทางด้านสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยบางประการ แรงกดดันเช่นนี้ช่วยยกระดับมาตรฐานของเกษตรกรและชาวประมงในท้องถิ่นทีละขั้น ส่งผลดีต่อความปลอดภัยด้านอาหารและความยั่งยืน
อีกหนึ่งบทบาทสำคัญคือการสร้างงาน เอสเอ็มอีในภาคเกษตรกรรมและประมงก่อให้เกิดงานนอกเหนือจากการผลิตขั้นต้น เช่น ช่างเทคนิค คนขับรถ พนักงานเครื่องจักร เจ้าหน้าที่โลจิสติกส์ และเจ้าหน้าที่ควบคุมคุณภาพ งานเหล่านี้จำนวนมากตั้งอยู่ในพื้นที่ชนบทหรือชานเมือง ช่วยชะลอการย้ายถิ่นฐานเข้าสู่เมืองใหญ่ด้วยการสร้างโอกาสการทำงานใกล้บ้าน ผู้หญิงมักมีโอกาสทำงานในสายการคัดแยกและแปรรูปสินค้า ช่วยเพิ่มรายได้ครัวเรือนและการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ
การเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นอีกด้านหนึ่งที่เอสเอ็มอีมีบทบาทเด่น ขณะที่เกษตรกรหรือชาวประมงรายย่อยอาจไม่มีเงินทุนเพียงพอสำหรับเครื่องมือสมัยใหม่ เอสเอ็มอีสามารถลงทุนในเครื่องจักร เช่น เครื่องอบแห้งอัตโนมัติ เครื่องซีลสุญญากาศ หรือสายการเลาะก้างและแล่เนื้อ พวกเขายังทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เช่น ขนมขบเคี้ยวออร์แกนิก อาหารพร้อมรับประทาน หรือแบรนด์อาหารทะเลที่เน้นการทำประมงอย่างยั่งยืน นวัตกรรมเหล่านี้เปิดตลาดใหม่และเพิ่มความยืดหยุ่นให้เศรษฐกิจท้องถิ่น
อย่างไรก็ตาม เอสเอ็มอีไทยยังเผชิญความท้าทายหลายด้าน ทั้งการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่จำกัด ความผันผวนของปริมาณวัตถุดิบ และข้อกำหนดมาตรฐานระหว่างประเทศที่เข้มงวดขึ้นเรื่อย ๆ โครงการของภาครัฐ รูปแบบสหกรณ์ และความร่วมมือกับบริษัทขนาดใหญ่สามารถช่วยให้เอสเอ็มอีพัฒนาเทคโนโลยี ปรับปรุงการจัดการ และเสริมความแข็งแกร่งในห่วงโซ่มูลค่าในระดับภูมิภาคและระดับโลก
โดยภาพรวม เอสเอ็มอีทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างผู้ผลิตขั้นต้นกับตลาดในภาคเกษตรกรรมและประมงของไทย ผ่านการแปรรูป การเพิ่มมูลค่า การกำหนดมาตรฐาน และการสร้างงาน พวกเขาช่วยเปลี่ยนภาคการผลิตดั้งเดิมให้กลายเป็นภาคเศรษฐกิจที่มีความคล่องตัว แข่งขันได้ และหลากหลายมากขึ้นสำหรับภูมิภาคชนบทของประเทศ
