ทำไม “อินโดนีเซีย” จึงควรเป็นตลาดถัดไปของคุณ?
กรุงเทพฯ, 1 สิงหาคม 2568 — ไทยและอินโดนีเซีย สองประเทศชั้นนำทางด้านเศรษฐกิจของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังคงเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตที่สั่งสมมากว่าเจ็ดทศวรรษ โดยการค้าระหว่างสองประเทศมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี[1] และรัฐบาลทั้งสองประเทศต่างส่งเสริมการเติบโตทางธุรกิจข้ามพรมแดนอย่างแข็งขัน สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสอันสดใสสำหรับแบรนด์ไทยที่ต้องการขยายสู่ตลาดอินโดนีเซีย ความใกล้ชิดในระดับภูมิภาคไม่เพียงแต่สะท้อนผ่านนโยบายเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังปรากฏในพฤติกรรมของผู้บริโภคอีกด้วย ในปี 2567 เพียงปีเดียว มีชาวอินโดนีเซียเกือบ 870,000 คนเดินทางมาเยือนประเทศไทย[2] และกลับไปพร้อมความนิยมในสินค้าไทยที่เพิ่มขึ้น ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว แฟชั่น ไปจนถึงอาหารและเครื่องดื่ม แบรนด์ต่าง ๆ อาทิ Cathy Doll, Gentle Woman และ Jelly Bunny ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่คนรุ่นใหม่ชาวอินโดนีเซีย สะท้อนถึงถึงความสนใจในสินค้าไลฟ์สไตล์ของไทยที่เพิ่มมากขึ้น ผู้บริโภคชาวอินโดนีเซียพร้อมเปิดรับสินค้าไทย สินค้าไทยหลายรายการได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายตั้งแต่ก่อนที่แบรนด์เหล่านั้นจะเปิดตลาดในอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ หลากหลายสินค้าถูกค้นพบครั้งแรกจากบริการรับฝากซื้อของที่รู้จักกันในชื่อ ‘jastip’ (Jastip – ย่อมาจาก “jasa titip” หรือบริการช้อปปิ้งส่วนบุคคล) ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของตลาดที่แท้จริงที่ขับเคลื่อนด้วยคุณภาพของสินค้า ราคาที่แข่งขันได้ และความนิยมที่แพร่หลายบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย สัญญาณเบื้องต้นเหล่านี้จึงชี้ให้เห็นว่าอินโดนีเซียเป็นจุดหมายปลายทางที่มีศักยภาพสูงสำหรับแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคของไทยที่ต้องการขยายฐานธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยจำนวนประชากรกว่า 283 ล้านคน…
